ปะเที่ยวกัน.com พาไปยังเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย พาไปปีนเขา ไต่เขา (ด้วยรถราง) คริคริคริ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สวยสดงดงาม เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ ด้วยแมกไม้เต็มเขา อากาศเย็นแบบธรรมชาติ อย่ามัวแต่จินตนาการอยู่เลย ปีนังฮิลล์ (Penang Hill)
การเดินทางมายังปีนังฮิลล์ ไม่ยากอย่างที่คิด ถ้านั่งจากในตัวเมืองปีนัง สามารถขึ้นได้ที่ตึก Komtar ที่นี่เป็นศูนย์กลางการเดินรถของเมืองปีนังเลยก็ว่าได้ รถทุก ๆ สายจะผ่านมาที่นี่ โดยใช้รถหมายเลข 203 หรือ 204 ราคา 2 ริงกิต (15 บาท) ซึ่งทางเราเดินทางต่อจากวัดเก็กลกสี่ ราคา 1.4 ริงกิต (10 บาท) เดี๋ยวแผนการเดินทางฉบับเต็ม สามารถติดตามได้ที่นี่
และแล้วก็มาถึงปีนังฮิลล์ใช้เวลาไม่นานจากวัดเก๊กลกสี่ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หากเดินทางจาก Komtar จะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที
เมื่อมาถึงแล้วจะเห็นป้าย PENANG HILL ตัวโต ๆ ไว้คอยต้อนรับเลย มัวรอช้าอะไรละ เอ้าเดิน ๆ ๆ เข้าไปด้านในกันเลย
เมื่อเดินเข้ามาด้านในของปีนังฮิลล์แล้ว จะพบการร้านค้า 1 ร้าน ร้านอาหาร 3 ร้าน สามารถเลือกซื้อ เลือกกินรองท้อง ก่อนขึ้นไปด้านบนกันได้
อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นเค้าเตอร์ให้ข้อมูลกับจุดจำหน่ายตั๋ว และทางขึ้นไปยังรถราง ไม่รอช้า เดินไปซื้อตั๋วกันเลย
ตั๋วซื้อง่าย ๆ บอกเจ้าหน้าที่ไปเลยว่าต้องการตั๋ว 2 ใบ (Ticket for two please) แค่นี้ก็ได้ตั๋วมาแล้ว ตั๋วราคาใบละ 30 ริงกิต (220 บาท) ราคานี้ได้ทั้งไปและกลับแล้ว ไม่ต้องไปสนใจแพ็คเกจอะไรมากมาย เพราะจริง ๆ มีหลากหลายแพ็คเกจ
เมื่อได้ตั๋วมาแล้ว ก็ไเดินไปยังทางเข้าได้เลย ซึ่งเมื่อมาถึงก็จะมีบริการถ่ายรูปที่ระลึกพร้อมรับบัตรคิว หากคนต้องการภาพเป็นที่ระลึกสามารถนำบัตรคิวดังกล่าวมารับรูปได้ตอนกลับลงมา (มีค่าบริการ ไม่รู้เท่าไหร่) ส่วนใครไม่ค้องการ ก็รับบัตรคิวมาแล้วเดินจากไป ระหว่างทางมีการแสดงประวัติการสร้างรถรางด้วย
เมื่อเดินทางสุดทางจะมีจุดผ่านประตู ใช้ Key Card เมื่อสักครู่แตะแล้วเดินผ่านเข้าไปได้เลย ซึ่งก่อนเข้ามาจะมีช่องแยกระหว่างเลนปกติ (Normal Lane) กับ เลนด่วน (Fast Lane) ซึ่งหากบัตรเราซื้อแบบ Fast Lane มา ก็เดินเข้ามาในช่อง Fast Lane ได้เลย ปกติไม่ต้องซื้อก็ได้ เพราะเข้าไปก็ยังต้องรอรอบรถรางเหมือนเดิม แค่ได้เข้าไปนั่งก่อน
เมื่อผ่านจุดตรวจเข้ามาแล้ว เดินตามทางมาเรื่อย ๆ จะพบกับแผนที่ของปีนังฮิลล์ว่ามีอะไรให้ชมบ้าง แต่ละสถานที่อยู่จุดไหนบ้าง จะได้เดินแบบไม่หลง
ได้เวลาเรียกขึ้นรถแล้ว และบังเอิญได้ด้านหน้าสุด พอเข้ามาด้านในรถแล้วดูวิวข้างนอกก็สวยงามมาก ๆ ยังกับวิ่งผ่านป่าแล้วไปยังอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว
ตามระหว่างสองข้างทางที่รถผ่านไปยังปีนังฮิลล์นั้นก็เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณจริง ๆ เหมือนกับเราได้เดินผ่านป่าที่เขียวขจี (แต่จริง ๆ เรานั่งรถ 555)
บางช่วงบางตอนระหว่างนั่งรถรางนั้นก็ต้องลอดอุโมง เพราะรถรางที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น รางจะทำแนวองศาที่ใกล้เคียงกันตลอดระยะเวลาเดินทาง ตัวรถรางเองก็ทำตามความลาดเอียงของราง แล้วปรับด้านในให้เป็นที่ราบ แบบขั้นบันได ทำให้สามารถยืนในตัวรถได้
และแล้วก็จวนจะถึงสถานีปลายทางของเราแล้ว ระหว่างทางขอบอกเลยว่าสวยจริง ๆ ประทับใจมาก ๆ ตัวรถรางนั่งแล้วไม่ได้หวาดเสียวหรือน่ากลัวเหมือนกระเช้าที่หนองปิงหรือเกนติ้ง
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงด้านบนของปีนังฮิลล์แล้ว
เมื่อถึงด้านบนแล้วก็ลองถ่ายภาพย้อนกลับลงไปยังรางที่เราเดินทางขึ้นมา ก็ได้วิวรางที่รายล้อมไปด้วยแมกไม้เขียวขจีไปรอบ ๆ และได้วิวเมืองที่อยู่แสนไกลออกไปท่ามกลางธรรมชาติ ดูแปลกตาดี
เดินกันต่อ เมื่อเดินออกจากสถานีรถราง Upper Station แล้ว ก็จะเจอส่วน Sky Walk เป็นทางเดินบนฟ้าจริง ๆ เพราะอยู่บนเขาสูง ยื่นออกไปทำให้ได้วิวที่สูงเหมือนลอยฟ้าอยู่เลย ประทับใจมาก
วิวที่ได้จาก Sky Walk เราจะเห็นตัวเมืองปีนังแบบมุมกว้างมาก รวมไปถึงวัดเก็กลกสี่ ที่มองเห็นได้จากตรงนี้
เมื่อถ่ายรูปเก็บบรรยากาศเสร็จแล้ว ก็เดินออกจาก Sky Walk มาเลย จะหว่างทางจะพบก็คล้าย ๆ ที่พัก มีทั้งเก้าอี้ยาว และระเบียงขนาดใหญ่ มองวิวได้ ๆ เต็ม สามารถถ่ายรูปแบบ Panorama ได้เลย
จุดพักหรือระเบียงที่ว่าจะได้วิวตามรูปด้านล่างเลย แต่บังเอิญวันที่ไปปีนังฮิลล์เกิดมีฝนตกลงมา เลยได้รูปแบบครึ้ม ๆ เมฆมาก แต่ก็สวยไปอีกแบบ
เดินถัดมาอีกนิดจะมีกล้องส่องทางไกลไว้คอยให้บริการ สามารถส่องลงไปเห็นถึงหลังคาหรือดาดฟ้าของตึกเลย ค่าบริการ 1 ริงกิต (8 บาท) สำหรับ 2 นาที รับเฉพาะธนบัตร ลองใช้ดูไม่เสียหลาย
ภาพจากกล้องส่องทางไกลเราอาจจะเอามาให้ชมไม่ได้ (ใครรู้วิธีการถ่ายภาพจากกล้องส่องทางไกล ช่วยคอมเม้นให้หน่อยนะครับ) แต่เราก็เอาภาพบริเวณกล้องส่องทางไกลมาฝากกันได้ ภาพวิวที่ได้จะเป็นวิวทะเล มองเห็นปีนังฝั่งแผ่นดินใหญ่ และมองเห็นการถมทะเลเป็นเกาะเล็ก ๆ อีกด้วย
ทางเดินบนปีนังฮิลล์นั้น จะมีบูธเล็ก ๆ หรือจุดเล็ก ๆ คอยให้บริการเกี่ยวกับถ่ายภาพ (มีค่าบริการ) ไม่ว่าจะเป็นถ่ายรูปธรรมดา ถ่าย Video ด้วย โดรน เป็นต้น สามารถสอบถามราคาและลองใช้บริการดูได้ ทั้งนี้บนปีนังฮิลล์ ไม่อนุญาตให้บินโดรนด้วยตนเอง
บนปีนังฮิลล์ยังมีร้านอาหารชื่อ David Brown’s Restaurant & Tea Terrace ไว้คอยให้บริการด้วย ซึ่งร้านนี้ เป็นทั้งร้านอาหารและคาเฟ่ในตัว มีทั้งอาหารจานหนัก และของว่าง ลองแวะเวียนเข้าไปลองชิมได้เลย
นอกจากนี้ยังมีร้านคอยบริการวาดภาพสเก็ตช์ให้เราได้อีกด้วย ค่าบริการประมาณ 20 ริงกิต (150 บาท) ถือว่าไม่แพงมากนัก ลองมาใช้บริการได้
เดินไปเดินมาเดินไปเรื่อย ๆ ก็ได้ผ่านดอกไม้ ต้นไม้นานาชนิด อากาศเย็นสบาย เดินเล่นเรื่อย ๆ ไม่รีบมาก จริง ๆ บากจุดก็ลาดชัน เล่นเอาหมดแรงง่าย ๆ ก่อนมาที่นี่ฟิตร่างกายมาสักเล็กน้อยจะเป็นการดี
เดินมาเรื่อย ๆ ก็มาถึงคล้าย ๆ วงเวียน บริเวณนี้ก็จะเป็นจุดสำคัญอีกจุดหนึ่งซึ่งมีทั้งร้านค้าขายของฝาก ของที่ระลึก ร้านอาหาร และจุดบริการรถกอล์ฟ เย้ ๆ ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว (รถกอล์ฟมีค่าบริการ) ผมแนะนำว่าเดินเอาดีกว่า เพราะที่ที่เราจะไปได้จริง ๆ เดินได้หมด ออกกำลังเล็กน้อย
ไม่ต้องกลัวหลง พอมาถึงจุดนี้ ก็จะมีป้ายบอกทางว่าแต่ละสถานที่ไปทางไหนบ้าง
ร้าน Cliff Cafe เป็นทั้งร้านอาหารสไตล์ตกวันตก และร้านคาเฟ่ จำหน่ายชา กาแฟ น้ำผลไม้ และมีจุดชมวิวที่ดีเลยทีเดียวลองแวะมาดูนะครับ ส่วนที่อยู่ติดกันคือ The Owl Museum เป็นพิพิธภัณฑ์นกฮูก มีการจัดแสดงนกฮูกสต๊าฟ รูปปั้นนกฮูก และมีการจำหน่ายของที่ระลึกเกี่ยวกับนกฮูกด้วย
ถัดมาจาก Cliff Cafe จะเป็นบันได ซึ่งมีรถรางจำลองให้ดู เป็นรถรางที่ทำจากไม้ดูเก่าแก่เลยที่เดียว จะบอกอีกนิดนะครับ พื้นที่บนปีนังฮิลล์เป็นพื้นที่ปลอดบุหรี สามารถสูบในที่ที่จัดไว้เท่านั้น
ไม่ต้องไปไกลถึงเกาหลีแล้ว ปีนังที่ปีนังฮิลล์ก็มีที่คล้องกุญแจรักเหมือนเกาหลีเลย สามารถซื้อกุญแจรักได้จากด้านล่าง แล้วเขียนชื่อของคนสองคนลงไป ล็อคกุญแจ โยนกุญแจทิ้ง แบบเดียวกับเกลาหลีไปเลย เราให้ชื่อว่า สะพานกุญแจรัก
ใครไม่มีคู่ไม่ต้องน้อยใจ ดูวิวสวย ๆ จากที่นี่ เผื่อมีใครจะยืนดูวิวเป็นเพื่อนเราแล้วค่อยว่ากันต่อไป 5555
จุดบริการรถกอล์ฟ มีค่าบริการ ลองสอบถามดูก่อนได้ว่าไปไหนบ้าง ราคาเท่าไหร่ อันนี้เราไม่แน่ใจ
ร้านจำน่ายหมวกและร่วม และทางขึ้นไปยังวัดแขกขันธกุมาร (Thirumurugan Temple)
เดินทางเส้นทางนี้เข้าไปจะสามารถเดินทางไปยัง Guard House (หอสังเกตกาณ์) Masjid Mukit Bendera (มัสยิสปีนังฮิลล์) Taman Kanak-Kanak (สนามเด็กเล่น) และ Mugugan Temple (วัดแขก)
เดินขึ้นไปตามบันไดสีน้ำเงิน บันไดนี้ค่อยข้างชัน เดินให้ระมัดระวังนิดนึง
ถ่ายย้อนกลับบันไดทางขึ้นมายังวัดแขก ค่อยข้างสูงชันเลยทีเดียว เล่นเอาหอบขึ้นคอเหมือนกัน
และแล้วก็ถึงวัดแขก ระหว่างทางมีร้านจำน่ายเครื่องดื่มทางด้านขวา และสนามเด็กเล่นอยู่ทางด้านซ้าย ถัดจาดสนามเด็กเล่นไปจะเป็นมัสยิสปีนังฮิลล์
เป็นวัดแขกที่อยู่สูงและสวยงามมาก ภายในไม่สามารถเข้าไปถ่ายรูปได้เนื่องจาก ทางวัดไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพ เราจึงเอามาฝากได้แค่นี้ ส่วนด้านในจะสวยงามแค่ไหน ลองแวะมาชมกันเองนะครับ
ก่อนลง เก็บภาพวิวด้านบนมาฝากเช่นเคย ปีนบันไดไปตั้งหลายขั้น ได้วิวมาสักรูปก็หายเหนื่อยเลยทีเดียว
กลับลงมาจากวัดแขกแล้ว เดินไปอีกทางที่เหลือ จะเจอป้าย The Habitat ทางขวามือจะมีแยกไปยังร้าน Penang Best และ โรงแรม Bellevue The Penang Hill Hotel ส่วนตรงไปจะไปยัง The Habitat
เราเลี้ยวขวามาทางโรงแรม Bellevue The Penang Hill Hotel กันก่อน จะเจอกับร้าน Penang Best เป็นเหมือนคาเฟ่เล็ก ๆ มีขายเครื่องดื่มและเค้ก เดินตรงเลยไปหน่อยจะเป็นส่วนของโรงแรม ซึ่งเราไม่ได้เดินเข้าไป
กลับลงจากร้าน Penang Best แล้วเดินไปทาง The Habitat ระหว่างทางก็มีจุดให้ถ่ายรูป คราวนี้ได้รูปป่าจริง ๆ ไม่มีเมืองเจือปน ได้อารามณ์แบบเดินป่าจริง ๆ เมื่อเดินเข้ามาในโซนนี้สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ อุณภูมิที่เย็นลง เย็นแบบธรรมชาติ สบายไปอีกแบบหนึ่ง
The Habitat Penang Hill ด้านในนี้แบ่งเป็นสองส่วนหลัก ๆ นั่นก็คือร้านกาแฟ (คาเฟ่) มีกาแฟ เครื่องดื่มและขนทเค้กขาย ส่วนที่สองจะเป็นจุดจำน่ายตั๋วเส้นทางธรรมชาติ ราคาประมาณ 47.15 ริงกิต (350 บาท) ซึ่งเส้นทางศึกษาธรรมชาตินี้ จะสามารถไปสู่ Curtis Crest Treetop Walk หรือจุดชมป่าแบบ 360 องศานั่นเอง ใครมีเวลาว่างหรืออยากลองเดินทางเพื่อศึกษาธรรมชาติก็ลองแวะเข้ามาได้เลย
เมื่อรับอากาศอันแสนจะบริสุทธิ์และรชมวิวท่ามกลางธรรมชาติเพียงพอต่อเวลากันแล้ว ก็เดินกลับไปยัง Upper Station เพื่อต่อคิวรอรถราง เดินทางทางกลับไปข้างล่างกัน
ในที่สุดรถรางขากลับที่เรารอคอยก็มาถึงแล้ว เตรียมพร้อมกลับลงไปด้านล่าง
โชคดีอีกต่อหนึ่งคือ ขากลับก็ได้เลือกที่นั่งหน้าสุด เลยได้มีโอกาสเก็บภาพบรรยากาศดี ๆ มาให้ชมกันอีก ส่วนแบบวีดิโอนั้นรอติดตามในช่อง Youtube ของเราได้เลย รถรางสายนี้มีทั้งหมด 3 สถานี คือสถานี Lower Station เป็นสถานีที่อยู่ล่างสุด Middle Station เป็นสถานีที่อยู่ตรงกลางสำหรับผู้ที่พักอาศัยบริเวณนี้ และสุดท้ายจะเป็น Upper Station เป็นสถานีบนสุด
บางช่วงบางตอนของรถรางจะถูกปรับเป็นรางคู่ เพราะมีบางเวลาที่รถรางสองขบวนจะวิ่งสวนทางกัน แต่ดูเหมือนเข้าจะวางโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้พอดี กะเวลารถออกจากสถานี ต้นทางหรือสถานีปลายทางให้ถูกต้อง ถึงเวลาระหว่างทางรถก็สวนกันโดยไม่ต้องหยุดรอเลย
ลงมาถึงด้านล่างแล้วก็จะมีร้านของฝากของที่ระลึกของปีนังฮิลล์ (Penang Hill Merchandise Store) สามารถเลือกหาของฝากได้ตามสะบาย มีทั้งพวงกุญแจ ที่ติดตู้เย็น แก้วน้ำ มากมายหลายอย่างจริง ๆ
ดูของฝากกันแล้วมาดูของกินบ้างดีกว่าที่ Lower Station ยังมี ร้าน The Habitat เป็นร้านอาหารที่อยู่ที่ Lower Station ให้ลิ้มลองความอร่อยอีกด้วย นอกจากร้าน The Habitat แล้วยังมีร้าน A&W และ Oldtown White Coffee
คำแนะนำสำหรับการเดินทางมาที่นี่ จริง ๆ รถที่เข้ามาจอดที่ปีนังฮิลล์เลยจะมีรถสาย 204 สายเดียว สาย 203 จะจอดด้านหน้าทางแยกต้องเดินเข้ามาค่อนข้างไกล ผมแนะนำใครจะมีเที่ยวบริเวณนี้ให้วางแผนไปที่วัดเก๊กลกสี่ ก่อน โดยให้นั่งรถสาย 203 หรือ 204 จากในเมืองไป จะถึงปากทางเข้าวัดเลย หลังจากนั้นนั่งรถสั่ง 204 จากวัดเก๊กลกสี่ มาที่ปีนังฮิลล์ แบบนี้จะสะดวกมากกว่า อีกอย่างหนึ่งรถ 204 จะออกทุก ๆ 30 นาที ส่วน 203 จะออกทุก ๆ 17-25 นาที
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับปีนัง (สามารถคอมเม้นบอกกันได้) เราจะไม่ได้เดินเข้าไปหมดทุกที่เนื่องจากเวลาและความเหนื่อยล้า อีกอย่างหนึ่งคืองบประมาณ เพราะบนปีนังฮิลล์นอกจากเราจะเสียค่ารถราง 30 ริงกิต แล้ว เมื่อถึงด้านบนสถานที่แทบจะทุกอย่างต้องเสียค่าเข้าชมทั้งหมด
สรุปง่าย ๆ 30 ริงกิต (220 บาท) มาถ่ายรูปกับวิวอย่างเดียว ถ้าถามความสวยของวิวผมก็ให้ 100 ครับ ใครอยากได้รูปวิว ถ่ายคู่กับวิว สัมผัสอากาศแบบธรรมชาติ ผมว่าก็คุ้มอยู่นะครับ
ฝากกด Like Page / IG / Youtube เพื่อเป็นกำลังใจในการไปรีวิวที่อื่น ๆ ด้วยนะครับ ทริปต่อไปจะพาไปไหนกัน คอยติดตามกันด้วยะครับ หากมีอะไรคำแนะนำ ติชม อะไรสามารถฝากไว้ใต้คอมเม้นด่านล่างได้เลยนะครับ