สวัสดีครับ วันนี้ทีมงาน ปะเที่ยวกัน.com จะมาเปรียบเทียบ ระหว่างสายการบินแบบ Full-Service หรือสายการบินเต็มรูปแบบ กับ สายการบิน Low-Cost หรือ สายการบินต้นทุนต่ำ ว่ามีอะไรแตกต่างบ้าง มีอะไรเหมือนกันบ้าง
ต้องบอกก่อนเลยว่าในปัจจุบันนี้ สายการบินต้นทุนต่ำหรือ Low-Cost Airlines เข้ามามีบทบาทที่สำคัญในชีวิตของคนเราในยุคนี้ไปเสียแล้ว เพราะใคร ๆ ก็อยากได้ของถูก เพราะผู้โดยสารบางคนต้องการเพียงแค่การโดยสารให้ถึงจุดหมายปลายทางเท่านั้น โดยไม่ได้ต้องการการบริการที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นสายการบินต้นทุนต่ำจึงตอบโจทย์ในสิ่งนี้
แล้วเรามาดูกันว่าสายการบิน Full-Service หรือสายการบินเต็มรูปแบบ กับสายการบิน Low-Cost หรือ สายการบินต้นทุนต่ำ นั่นมีความเหมือน หรือ แตกต่างกันอย่างไร
รายการ | Low-Cost | Full-Service |
ราคา | ถูก | แพง |
เลาจน์ | ไม่มี | มี |
ถือกระเป๋าขึ้นเครื่อง | ได้ | ได้ |
โหลดกระเป๋า | เสียเงินเพิ่ม | ฟรี |
อาหารบนเครื่อง | เสียเงินเพิ่ม | ฟรี |
เครื่องดื่มบนเครื่อง | เสียเงินเพิ่ม | ฟรี |
ขนาดที่นั่ง | มาตรฐาน | ใหญ่กว่ามาตรฐาน |
เลือกที่นั่ง | เสียเงินเพิ่ม | ฟรี |
ความบันเทิงบนเครื่อง | ไม่มี | มี |
Wifi บนเครื่อง | เสียเงินเพิ่ม | เสียเงินเพิ่ม |
การเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน | เสียเงินเพิ่ม | ฟรี |
ขอคืนเงิน | ไม่ได้ | ได้ |
ราคา
เป็นสิ่งแรกที่เห็นได้ชัดเลยว่ามีความแตกต่างเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าสายการบิน Low-Cost สามารถประหยัดราคาตั๋วได้เกินครึ่งหนึ่งของสายการบิน Full-Service เพราะสายการบินต้นทุนต่ำตัดบริการบางอย่างออกไป ให้เหลือเพียงแค่ตัวคุณที่จะโดยสารเท่านั้น
เลาจน์
สายการบิน Full-Service จะมาพร้อมกับ Lounge ซึ่งผู้โดยสารสามารถเข้าไปนั่งรอก่อนการขึ้นเครื่องบิน ซึ่งแน่นอนว่าสายการบิน Low-Cost ไม่มีบริการนี้ (อยากเข้าเข้าเลาจน์ฟรี คลิกอ่านเลย)
การโหลดกระเป๋า
แน่นอนที่สุดสายการบิน Low-Cost นั้น หากคุณต้องการที่จะโหลดกระเป๋าหรือมีสัมภาระเกินกว่าที่จะถือขึ้นเครื่องได้นั้นผู้โดยสารต้องเสียค่าบริการเพิ่ม แตกต่างจากสายการบิน Full-Service ที่ราคาตั๋วนั่นรวมค่าน้ำหนักกระเป๋าแล้ว 20-30 กิโลกรัม
อาหารบนเที่ยวบิน
อาหารบนเที่ยวบินเป็นอีกหนึ่งบริการที่สายการบิน Full-Service ได้รวมเข้าไปในค่าตั๋วแล้วเช่นกัน เฉพาะนั้น อาหาร เครื่องดื่ม ไวน์ กาแฟ เบียร์ สามารถขอได้ตลอดเวลา ซึ่งแตกต่างจากสายการบิน Low-Cost ที่ผู้โดยสารต้องสั่งซื้อและเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเอง
ขนาดที่นั่ง
ขนาดที่นั่งของสายการบิน Low-Cost มักจะมีขนาดที่เล็กกว่าสายการบิน Full-Service ปรับเอนได้น้อยกว่า และที่สำคัญสายการบิน Full-Service สามารถเลือกที่นั่งได้ฟรี ซึ่งแตกต่างจากสายบิน Low-Cost ซึ่งหากต้องเลือกที่นั่งก็ต้องเสียเงินเพิ่ม
Inflight Entertainment
ความบันเทิงระหว่างเที่ยวบิน อันนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่แตกต่าง เนื่องจากสายการบิน Low-Cost นั่นจะไม่มีความบันเทิงระหว่าเที่ยวบิน เช่น จอทีวี เพื่อดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมได้ระหว่าเที่ยวบิน แตกต่างจาก Full-Service ซึ่งมีมาพร้อมเพราะราคาเหล่านี้รวมอยู่ในค่าตั๋วแล้ว
การเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินหรือคืนเงิน
หากเป็นสายการบิน Low-Cost นั้น แน่นอนไม่อนุญาตให้คืนเงิน และการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินนั้นมีค่าธรรมเนียมที่สูง ซึ่งในบางครั้งซื้อตั๋วใหม่ราคาจะถูกกว่าเปลี่ยน แตกต่างกันกับ Full-Service ที่สามารถเปลี่ยนแปลงวันเวลาเดินทางได้ฟรี โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม หรือขอคืนเงินก็ได้ เว้นเสียแต่ว่าเป็นตั๋วโปรโมชั่นอาจจะมีเงื่อนไขว่าห้ามเปลี่ยนแปลง หรือขอคืนเงิน
ความปลอดภัย
สิ่งนี้ถือเป็นหัวใจหลักของทุกสายการบิน ไม่ว่าจะเป็น Low-Cost หรือ Full-Service เพราะฉะนั้นแล้วทั้งสายการบินต้นทุนต่ำ และสายการบินเต็มรูปแบบ นั้นมีมาตรฐานความปลอดภัยที่เท่ากัน
แล้วเราจะเลือกสายการบินแบบไหน ระหว่าง Low-Cost หรือ Full-Service
- สายการบิน Low-Cost
- เดินทางระยะสั้น ประมาณ 1-4 ชั่วโมง
- เดินทางโดยไม่มีสัมภาระ หรือมีแต่ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
- ไม่ต้องการอาหารหรือเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน
- สายการบิน Full-Service
- เดินทางระยะทางไกลตั้งแต่ 4 ชั่วโมงขึ้นไป
- มีสัมภาระมากกว่า 7 กิโลกรัม
- ต้องการบริการที่มากกว่าเช่น เลาจน์ อาหารระหว่าเที่ยวบิน หรือความบันเทิงระหว่างเที่ยวบิน
สรุป
ไม่ว่าจะเป็นสายการบินต้นทุนต่ำหรือสายการบินเต็มรูปแบบก็ล้วนแต่นำเพื่อน ๆ ทุกคนไปถึงจุดหมายปลายทางตามที่เพื่อน ๆ ต้องการ มีเพียงส่วนที่แตกต่างกันในด้านการบริการภาคพื้นและการบริการบนเที่ยวบินเท่านั้นที่ความแตกต่างกัน ฉะนั้นเลือกให้เหมาะสมจะได้คุ้มค่าคุ้มราคากับสิ่งที่ต้องเสียไป
ฝากกด Like Page / IG / Youtube เพื่อเป็นกำลังใจในการไปรีวิวที่อื่น ๆ ด้วยนะครับ ทริปต่อไปจะพาไปไหนกัน คอยติดตามกันด้วยะครับ
Line: @PATAEWGUN | |||
Twitter: PATAEWGUN | |||